Byd Seal Performance Vs Premium รุ่นไหนดีกว่ากัน?

ในส่วนของ BYD Seal มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย คือ รุ่น performance และ รุ่น premium ซึ่งทั้ง 2 รุ่นมีราคาแตกต่างกันอยู่ 60,000 บาท โดย BYD Seal Performance จะมีราคาที่ถูกกว่าที่ 1,990,000 บาท ในขณะที่รุ่น Premium จะมีราคาอยู่ที่ 2,050,000 บาท

ความแตกต่างของ 2 รุ่นย่อย

โดยในขณะนี้ทาง BYD ผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ได้มีการประกาศราคา รวมถึงเปิดให้จองทั้ง 2 รุ่นย่อยแล้ว โดยสำหรับ BYD Seal Performance จะมีราคาที่ถูกกว่าที่ 1,990,000 บาท ในขณะที่รุ่น Premium จะมีราคาอยู่ที่ 2,050,000 บาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบแล้วในส่วนของราคาจะแตกต่างกันอยู่ 60,000 บาทด้วยกัน ซึ่งหากเปรียบเทียบถึงฟังก์ชันและสมรรถนะของรถทั้ง 2 รุ่นนี้ จะพบได้ว่ามีจุดแตกต่างกันบางประการดังต่อไปนี้

• ระบบเบรค สำหรับรุ่น Performance จะใช้เป็นระบบเบรค Brembo 4 pot ด้านหน้า และ 1 pot ด้านหลัง แต่สำหรับรุ่น Premium จะเป็นระบบเบรคทั่วไป Brembo 1 pot ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยในส่วนนี้มีผลต่อในการใช้งานในด้านการเบรกที่ทางผู้ผลิตมุ่งเน้นให้รุ่น Performance มีสมรรถนะในการเบรกที่ดีกว่า
• ระบบช่วงล่าง ในส่วนของช่วงล่างนั้น จะแบ่งเป็นแบบ Adaptive Damping Control หรือระบบช่วงล่าง Adaptive สำหรับรุ่น Performance และระบบช่วงล่าง FSD หรือระบบช่วงล่างไฟฟ้าแบบปรับอัตโนมัติในรุ่น Premium ซึ่งระบบช่วงล่างทั้ง 2 แบบนี้ มีการทำงานที่แตกต่างกัน โดยสำหรับ Adaptive Damping Control หรือระบบช่วงล่าง Adaptive ในรุ่น Performance นั้น จะทำงานโดยใช้เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของรถ และปรับเปลี่ยนค่าความหนืดของโช๊คอัพให้เหมาะสมกับสภาพถนนและสถานการณ์การขับขี่ต่างๆ
• ระบบขับเคลื่อน ทั้ง 2 รุ่นมีระบบขับเคลื่อนที่เหมือนกัน โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้าและหลัง รวมกำลังสูงสุด 530 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 670 นิวตันเมตร แต่สำหรับรุ่น Performance จะมีอัตราเร่งที่ดีกว่า โดยสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.8 วินาที ในขณะที่รุ่น Premium จะทำได้ในเวลา 5.9 วินาที
• ภายนอก ในส่วนของภายนอกนั้น ทั้ง 2 รุ่นย่อยจะมีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกัน โดยมีขนาดตัวถังความยาว 4,800 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,875 มิลลิเมตร ความสูง 1,460 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,920 มิลลิเมตร โดยสิ่งที่สามารถสังเกตว่ารุ่นไหนเป็นอะไรได้นั้น คือ สีไฟเบรกที่อยู่บริเวณสปอยเลอร์ หลัง โดยรุ่น Performance จะใช้ไฟเบรกสีแดง ส่วนรุ่น Premium จะเป็นไฟเบรกสีดำ ซึ่งในส่วนนี้จะมีความแตกต่างกันให้เห็น หรือหากมองในส่วนชุดล้อ ก็จะเป็นอีกหนึ่งส่วนที่สามารถสังเกตได้ โดยรุ่น Performance จะใช้ล้ออัลลอยลาย 5 ก้านคู่ขนาด 19 นิ้ว สีทูโทน แต่สำหรับรุ่น Premium จะเป็นล้ออัลลอยลายก้านใบพัดขนาด 18 นิ้ว สีทูโทน
• ภายใน ในส่วนของภายในนั้น รุ่น Performance จะตกแต่งแบบสปอร์ต เบาะนั่งหุ้มหนังแท้สีน้ำเงิน ตัดกับโทนสีดำภายในห้องโดยสาร ในขณะที่รุ่น Premium จะตกแต่งแบบหรูหรามากกว่า ด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังแท้สีดำ ตัดกับโทนสีครีมภายในห้องโดยสาร นอกจากนี้ รุ่น Premium ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันอำนวยความสะดวกที่มากกว่า เช่น ระบบเสียงรอบทิศทาง Dynaudio ระบบกรองอากาศ PM2.5 และระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา

สรุป

โดยรวมแล้ว ทั้ง 2 รุ่นย่อยมีสมรรถนะที่ใกล้เคียงกัน แต่ถ้าหากผู้ขับขี่ชื่นชอบความสปอร์ต และต้องการรถที่มีสมรรถนะสูงกว่าในด้านของอัตราเร่งและการเกาะถนนที่ดีขึ้น อาจจะเลือก BYD Seal Performance ไปครอบครอง แต่ในทางกลับกัน หากผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบความหรูหราและต้องการออปชั่นที่ครบครัน อาจจะเลือก BYD Seal Premium ไปครอบครองแทน